โรคกระเพาะอาหาร คือ ความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหารมีการแบ่งจำนวนมากขึ้นอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของกระเพาะอาหาร และสามารถกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ลำไส้ ปอด และรังไข่ รวมถึงต่อมน้ำเหลือง ซึ่งมีบางตำแหน่งที่สามารถรักษาให้หายขาดได้
1. ระยะของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและการรักษา การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้อร้าย การกระจายไปอวัยวะอื่นๆ หรือไม่ และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย คณะแพทย์ซึ่งประกอบ ด้วยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร ศัลยแพทย์แพทย์ และแพทย์รังสีรักษา ทำการปรึกษาร่วมกันเพื่อวางแผนการรักษาที่ดีที่สุด
2. มะเร็งระยะเริ่มแรก (early gastric cancer) หมายถึง มะเร็งที่อยู่เฉพาะชั้นเยื่อบุส่วนบนของกระเพาะอาหาร โดยทั่วไปมักจะไม่มีอาการ แต่ตรวจพบจากการทำการตรวจส่องกล้องสำหรับการตรวจสุขภาพ
การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
1. การกลืนแป้งสารทึบแสง เป็นวิธีการตรวจโดยให้ผู้ป่วยกลืนน้ำที่ผสมด้วยสารทึบแสงคล้ายแป้ง ซึ่งจะไปเคลือบหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก และทำการถ่ายภาพเอกซเรย์เป็นระยะๆ ทำให้สามารถมองเห็นก้อนเนื้อหรือความผิดปกติอื่นๆ ได้
2. การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนต้น เพื่อทำการตรวจประเมินรอยโรคภายในกระเพาะอาหาร หากตรวจพบสิ่งผิดปกติหรือสิ่งที่น่าสงสัยสามารถตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจสอบต่อไปได้
3. การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ จะช่วยให้แพทย์ทราบความลึกของมะเร็งกระเพาะอาหารหรือการกระจายไปยังอวัยวะใกล้เคียงของมะเร็ง
4. การเอกซเรย์ปอด เพื่อตรวจความผิดปกติในช่องปอดและการแพร่กระจายของโรคไปในปอด
5. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งจะแสดงภาพอวัยวะภายในแบบสามมิติ ช่วยให้แพทย์สามารถเห็นตำแหน่งของโรคและการกระจายของโรคได้ละเอียดมากกว่าการเอกซเรย์ธรรมดา
การรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร จะอาศัยทีมแพทย์ในสาขาต่างๆ เช่น ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ และอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง มาร่วมกันวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกวิธีการรักษาของแพทย์ เช่น
แนวทางการรักษา แบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ ดังนี้
1. การผ่าตัด
2. เคมีบำบัด
3. รังสีรักษา
4. การส่องกล้องกระเพาะอาหาร
ผู้ป่วยต้องงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง โดยการตรวจโดยทั่วไปใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ซึ่งแพทย์จะมีวิธีทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการส่องกล้อง ตั้งแต่การพ่นยาชาที่คอ เพื่อให้ในบริเวณคอไม่มีความรู้สึกก่อน จึงเริ่มส่องกล้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยหลายคนแม้ในคออาจชาแล้ว แต่อาจยังรู้สึกหวาดเสียวบ้าง ทีมวิสัญญีแพทย์ก็จะให้ยานอนหลับที่ออกฤทธิ์สั้น เพื่อให้ผู้ป่วยหลับในระยะสั้นๆ ระหว่างการตรวจ