มะเร็งต่อมไทรอยด์

มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer) คือมะเร็งอะไร

 

ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) เป็นต่อมไร้ท่อ อยู่ด้านหน้าของลำคอทั้งซ้าย(กลีบซ้าย) และขวา(กลีบขวา) โดยอยู่บริเวณใต้ลูกกระเดือก และมีเนื้อเยื่อไทรอยด์เชื่อมระหว่างต่อมกลีบซ้ายและกลีบขวา ต่อมไทรอยด์ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนเพื่อควบคุมการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย อุณหภูมิของร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ระดับไขมันในเลือด และรวมถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆด้วย ถ้าหาก ต่อมไทรอยด์ไม่สามารถควบคุมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ ร่างกายจะเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น คอพอก คอพอกเป็นพิษ (โรคของต่อมไทรอยด์) และโรคมะเร็งต่อม ไทรอยด์

 

โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ คือ โรคมะเร็งที่เกิดกับต่อมไทรอยด์ โดยเกิดได้กับต่อมไทรอยด์ทั้งกลีบซ้าย และกลีบขวา รวมทั้งในเนื้อ เยื่อที่เชื่อมต่อมทั้งสองข้างด้วย มะเร็งต่อมไทรอยด์สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ

 

1. มะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดที่เซลล์มะเร็งจับกินแร่รังสีไอโอดีน / น้ำแร่รังสีไอโอดีน (Differentiated carcinoma) ซึ่งเป็นกลุ่มมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 90-95% ของโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ทั้งหมด ซึ่งยังแบ่งย่อยเป็นอีก 2 ชนิดคือ ชนิดพาพิลลารี (Papillary cell carcinoma) และชนิดฟอลลิคูลา (Follicular Carcinoma)

 

2. มะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดที่เซลล์มะเร็งไม่จับกินแร่รังสีไอโอดีน ซึ่งพบได้น้อยมากประมาณ 5% ของโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ทั้งหมด โดยมีหลายชนิดย่อย เช่น ชนิด เมดัลลารี (Medullary cell carcinoma) ชนิด อะนาพลาสติค (Anaplastic carcinoma) และชนิดอื่นๆนอกจาก 2 ชนิดที่กล่าวแล้ว

 

โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ เป็นโรคที่พบได้ในทุกช่วงอายุ มีรายงานพบได้ตั้งแต่อายุ 10 ปี จนถึงอายุ 80 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยมีรายงานว่าในประชากร 100,000 คน พบมะเร็งต่อมไทรอยด์ในเพศหญิงประมาณ 6 คน และพบในเพศชายประมาณ 2 คน

สาเหตุ / ปัจจัยก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์

 

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคนี้ ซึ่งปัจจัย ดังนี้

 

1. อายุ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 25 - 65 ปี อาจมีแนวโน้มของการเกิดมะเร็งไทรอยด์ได้มากกว่าช่วงอายุอื่น

 

2. กรรมพันธุ์ มีรายงานว่าโรคทางกรรมพันธุ์บางชนิดสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์

 

3. สิ่งแวดล้อม เช่น รังสีจากสารกัมมันตรังสีที่เซลล์ต่อมไทรอยด์ได้รับในปริมาณที่ไม่ถึงกับทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับหน่วยพันธุกรรมของเซลล์ เช่น จากอุบัติเหตุโรง งานพลังงานปรมาณู และ/หรือจากระเบิดปรมาณู เมื่อเวลาผ่านไป 10-20 ปี (มีรายงานพบได้ตั้งแต่ 3-5 ปี) ความเสียหายบางอย่างของเซลล์ต่อมไทรอยด์ อาจขยายตัว ขึ้นทำให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้

ต่อมไทรอยด์ได้รับรังสีไอออนไนซ์ (Ionizing radiation, รังสีที่ใช้ในการตรวจและรักษาโรค) ปริมาณสูง เช่น การได้รับการฉายรังสีรักษาบริเวณศีรษะและลำคอในวัยเด็ก เพื่อรักษา ต่อมธัยมัสโต (ต่อมไทมัส/ thymus gland เป็นต่อมมีหน้าที่เกี่ยวกับภูมิคุ้ม กันต้าน ทานโรคของร่างกาย อยู่ในตอนบนของช่องอก ซึ่งพบในเด็ก โดยต่อมจะยุบหายไปในผู้ใหญ่)

 

4. เพศ แม้มะเร็งไทรอยด์จะเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับเพศหญิงได้มากกว่าเพศชายถึง 3 เท่า

 

5. ระดับของเกลือแร่ไอโอดีนในอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ โดยบางการศึกษาพบว่า ในถิ่นที่มีภาวะขาดไอโอดีน จะพบอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด Follicular เพิ่มขึ้น และในถิ่นที่มีการเสริมเกลือแร่ไอโอดีนในอาหาร และ/หรือน้ำดื่ม จะพบอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด Papillary เพิ่มขึ้น

 

6. โรคประจำตัว การเจ็บป่วยด้วยโรคบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งไทรอยด์ได้ เช่น โรคที่เกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ โรคอ้วน รวมถึงความผิดปกติของฮอร์โมนบางชนิด เป็นต้น

 

7. การสัมผัสกับรังสี เช่น การฉายรังสีบริเวณศีรษะหรือลำคอเพื่อรักษาโรคในวัยเด็ก รวมถึงเคยประสบอุบัติเหตุเกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าหรืออาวุธนิวเคลียร์ อาจเพิ่มความเสี่ยงเผชิญโรคนี้ได้ ซึ่งความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีที่ได้รับด้วย แต่ผู้ใหญ่ที่ได้รับรังสีจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งไทรอยด์ได้น้อยกว่าเด็ก

มะเร็งไทรอยด์มีอาการอย่างไร

 

1. อาการที่พบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์นั้น ไม่มีอาการเฉพาะ แต่มักมีอาการคล้ายโรคปุ่มเนื้อของต่อมไทรอยด์ (โรคของต่อมไทรอยด์) หรือคล้ายโรคคอพอก คือ มีต่อมไทรอยด์โต หรือมีก้อนที่คอ (ที่ต่อมไทรอยด์) คลำได้ อาจเป็นก้อนเดียว หรือหลายก้อนก็ได้ โดยมักจะไม่มีอาการเจ็บ หรือปวด

 

2. มีเสียงแหบลง เนื่องจากก้อนเนื้อมะเร็งโตจนกดเบียดทับ หรือลุกลามเส้นประสาทกล่องเสียงที่อยู่ติดกับต่อมไทรอยด์

 

3. มีอาการหายใจลำบาก หรือกลืนอาหาร ลำบาก เนื่องจากก้อนมะเร็งโตจนกดเบียดทับและ/หรือลุกลามเข้าหลอดลมและ/หรือหลอดอาหาร ซึ่งทั้งสองเป็นอวัยวะที่อยู่ติดกับต่อมไทรอยด์เช่นกัน

 

4. อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต คลำได้หากเซลล์มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำ เหลือง

 

นอกจากนั้น หากโรคมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ก็อาจมี อาการตามอวัยวะนั้นๆที่โรคแพร่กระจายไปได้ เช่น มะเร็งกระจายไปกระดูก อาจมีอาการปวดตามตำแหน่งที่โรคแพร่กระจายไป

โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์มีกี่ระยะ

 

การจัดระยะโรคของโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์นั้น ต่างจากการจัดระยะของโรค มะเร็งอื่นๆ โดยมีการนำอายุของผู้ป่วยมาจัดเป็นระยะของโรค เพราะความรุนแรงของโรคขึ้นกับอายุผู้ป่วยด้วย ซึ่งระยะของโรคมะเร็งของต่อมไทรอยด์เป็นดังนี้

 

ในผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 45 ปี แบ่งโรคเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 โรคเกิดในต่อมไทรอยด์เพียงกลีบเดียว หรือ ทั้ง 2 กลีบ และ มีการลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ

 

ระยะที่ 2 โรคแพร่กระจายเข้ากระแสเลือด (โลหิต) ไปยังอวัยวะอื่นๆ ซึ่งเมื่อแพร่กระจาย ที่พบได้บ่อยคือแพร่กระจายสู่ ปอด กระดูก หนังศีรษะ สมองและตับ ในผู้ป่วยที่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ

 

  • ระยะที่ 1 ก้อนมะเร็งมีขนาดโต ไม่เกิน 2 เซนติเมตร
  • ระยะที่ 2 ก้อนมะเร็งมีขนาดโต มากกว่า 2 แต่ไม่เกิน 4 เซนติเมตร
  • ระยะที่ 3 ก้อนมะเร็งมีขนาดโต มากกว่า 4 เซนติเมตร และ มีการลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอที่อยู่ติดกับต่อมไทรอยด์
  • ระยะที่ 4 ก้อนมะเร็งมีการลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ และ อวัยวะข้างเคียง หรือ มีโรคลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอบริเวณอื่นๆที่ไม่ติดกับต่อมไทรอยด์ และ มีโรคแพร่กระจายเข้ากระแสเลือด (โลหิต) ไปยังอวัยวะอื่นๆ ซึ่งเมื่อแพร่กระจาย ที่พบได้บ่อย คือเข้าสู่ ปอด กระดูก หนังศีรษะ สมอง และตับ

วิธีการคัดกรองโรคมะเร็งไทรอยด์

แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ ได้จาก

 

1. อาการ และการตรวจร่างกาย ซึ่งมักพบก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์

 

2. การเจาะ ดูดเซลล์จากก้อนเนื้อ เพื่อการตรวจทางเซลล์วิทยา และ/หรือตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อให้ทราบ การวินิจฉัยโรคที่แน่นอน และยังทำให้แพทย์ทราบได้ว่า เป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดใด

 

3. ตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของต่อมไทรอยด์ และดูค่าสารมะเร็ง (Tumor marker) ของต่อมไทรอยด์ เพราะมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดนี้ สร้างสารมะเร็งที่ใช้ในการตรวจติดตามผลการรักษาได้

 

4. ตรวจอัลตราซาวน์ภาพต่อมไทรอยด์ และต่อมน้ำเหลืองลำคอ เพื่อดูลักษณะของต่อมไทรอยด์ และดูการลุกลามของโรคไปยังต่อมน้ำเหลือง และอาจช่วยในการเจาะดูดเซลล์ หรือ ตัด ชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจดังกล่าวได้แม่นยำขึ้น

 

5. การตรวจภาพต่อมไทรอยด์ทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (รังสีที่ใช้ในการ ตรวจและรักษาโรค)) ที่เรียกว่า ไทรอยด์สะแกน (Thyroid scan) ซึ่งอาจตรวจในผู้ป่วยบางราย ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์

 

6. การตรวจสะแกนทั้งตัว (Whole body scan) เป็นการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ เพื่อดูว่ามีต่อมไทรอยด์เหลืออยู่มากน้อยเพียงใดหลัง จากรักษาผ่าตัดต่อม ไทรอยด์ไปแล้ว และเพื่อดูว่ามีโรคมะเร็งแพร่กระ จายไปยังอวัยวะอื่นๆหรือไม่

 

7. การตรวจเลือดซีบีซี (CBC) เพื่อประเมินสภาพร่างกายทั่วๆไปของผู้ป่วยก่อนการ รักษา

 

8. การตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการ เพื่อดูการทำงานของไต เพื่อดูการทำงานของตับ เพื่อดูระดับเกลือแร่ เช่น แคลเซียม ซึ่งอาจมีระดับลดลง เนื่องจากผลข้างเคียงจากการผ่าตัดเอาต่อมพาราไทรอยด์ (ต่อมควบคุมสมดุลของแคลเซียมในร่างกาย) ซึ่งเป็นต่อมไร้ ท่อขนาดเล็กที่อยู่ติดและใต้ต่อต่อมไทรอยด์ ออกไปด้วยในขณะผ่าตัดต่อมไทรอยด์ในรักษาโรคมะเร็ง

 

9. เอกซเรย์ปอด เพื่อดูความผิดปกติของ ช่องอก หัวใจ และปอด รวมทั้งการแพร่กระจายของโรคสู่ปอด

 

10. การตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินสภาพร่างกายทั่วๆไปของผู้ป่วยก่อนการรักษา

วิธีการรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์

ในการดูแลรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์นั้น มีการรักษาหลักๆร่วมกันอยู่ 3 วิธี คือ

 

1. การผ่าตัด

เป็นการรักษาที่ต้องทำเป็นอันดับแรก ซึ่งการผ่าตัดที่นิยมทำมากที่สุดคือ ผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออกทั้ง 2 ข้าง เพราะมีข้อดีมากกว่าผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออกเพียงบางส่วน คือ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการกินแร่รังสี (น้ำแร่รังสีไอโอดีน) ในการรักษาต่อ เนื่องหลังผ่าตัดไปแล้ว เพื่อให้รังสีช่วยทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลือในบริเวณต่อมไทรอยด์จากที่ไม่สามารถผ่าตัดออกหมดได้ และให้รังสีทำลายเซลล์ มะเร็งที่อาจแพร่กระจายอยู่ในอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายเพื่อ ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรค และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจเลือดดูสารมะเร็งที่แพทย์ใช้เฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำของโรค

 

การผ่าตัดวิธีนี้ ยังช่วยเพิ่มอัตราการหายจากโรคให้สูงขึ้นด้วย ดังนั้นในผู้ป่วยบางรายที่ผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกเพียงบางส่วนในครั้งแรกเนื่องจากวินิจฉัยว่า ก้อนเนื้อเป็นเพียงเนื้องอก แต่เมื่อทราบผลชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดจากการตรวจทางพยาธิว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ จึงอาจต้องผ่าตัดอีก ครั้งเพื่อเอาต่อมไทรอยด์ออกทั้ง 2 กลีบ

 

2. การกินแร่รังสีไอโอดีน

ซึ่งแร่รังสีไอโอดีนนี้ เป็นสารกัมมันตรังสีที่ได้รับการเตรียมให้อยู่ในรูปของแคปซูล หรือในรูปของสารน้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยกินได้ง่าย โดยแร่รังสีไอโอดีนเหล่านั้นจะไปรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่อาจหลงเหลืออยู่หลังจากผ่าตัดทั้งที่บริเวณลำคอ และเนื้อเยื่อใกล้เคียง นอกจากนั้น ยังสามารถช่วยรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ที่แพร่กระจายไปยัง อวัยวะอื่นๆได้ด้วย เช่น ต่อมน้ำเหลือง ปอด กระดูก ซึ่งในการรักษาด้วยการกินแร่รังสีฯนั้น อาจกินเพียงครั้งเดียว หรือมากกว่า 1 ครั้งตามความรุนแรงของโรค และดุลพินิจของแพทย์

 

3. การให้ยาฮอร์โมนไทรอยด์กินอย่างต่อเนื่อง

กินยาฮอร์โมนไทรอยด์อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อให้ฮอร์โมนชดเชยกับร่างกายหลังจากผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออกทั้ง 2 กลีบแล้ว และยังช่วยควบคุมโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ไม่ให้กลับเป็นซ้ำได้อีกด้วย ดังนั้นผู้ป่วยควรต้องรับประทานยาไทรอยด์ฮอร์โมนอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ที่ทำการรักษาไม่ควรขาดยา

วิธีการป้องกันโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์

 

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ แต่มีข้อแนะนำเพราะอาจลดโอกาสเกิดโรคนี้ได้บ้าง ดังนี้

 

  • การหลีกเลี่ยง สาเหตุต่างๆที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมดังกล่าวแล้วที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น หลีก เลี่ยงการสัมผัสสารกัมมันตรังสี
  • ควรรับประทานอาหารที่มีไอโอดีน (อาหารทะเล เกลือ แกง น้ำปลา อาหาร/ขนมขบเคี้ยว รสเค็ม) อย่างเหมาะสม ไม่กินมาก หรือน้อยจนเกินไป
  • หากมีก้อนที่บริเวณด้านหน้าลำคอที่เคลื่อนที่ขึ้นลงตามการกลืนควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและให้การรักษา